ย้อนฟังนาที "คุณหญิงวิมล" หรือ "ทมยันตี" นักเขียนชั้นครู ทำนายอีก 3 ปี ตัวเองจะทิ้งสังขาร!
คอมเมนต์:
นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ จากการจากไปของ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ หรือ ทมยันตี นักเขียนชื่อดังจากวรรณกรรมหลายเรื่อง เช่น คู่กรรม, ทวิภพ, เลือดขัตติยา ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ด้วยวัย 85 ปี ถือเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญสำหรับวงการวรรณกรรมไทยเป็นอย่างมาก
โดยทางแหล่งข่าวมีการรายงานว่า คุณหญิงวิมล เสียชีวิตขณะนั่งสมาธิอยู่ที่ "ล้านนาเทวาลัย" จ.เชียงใหม่ ซึ่ง "ทมยันตี" ได้เป็นผู้สร้างไว้เพื่อเป็นที่พำนักส่วนตัว
Sponsored Ad
สำหรับ "ล้านนาเทวาลัย" ตั้งอยู่ภายใน หมู่บ้านลานนาลากูน 52/25 หมู่ 9 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม เป็นสถานที่รวมศรัทธาเทวะและพุทธะ เพื่อผู้มาเยือนสามารถร่วมกิจกรรมในการไหว้พระ ทำสมาธิหรือกิจกรรมที่ทางเทวาลัยจัดขึ้นถวายองค์เทพ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานด้านวรรณกรรม โดยจัดแสดงให้กับคนที่ชื่นชอบผลงานของทมยันตีและผู้ที่สนใจต้องการทำอาชีพนักเขียน เพื่อเป็นแนวทางให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้
Sponsored Ad
ในเวลาต่อมา โลกออนไลน์ได้มีการแชร์บทสัมภาษณ์ อ่านโลกเห็นธรรม ของ คุณหญิงวิมล ซึ่งได้เปิดเผย ผ่านรายการศิลป์สโมสร ช่อง ThaiPBS เมื่อ 3 ปีที่แล้ว(ปีพ.ศ.2561) ช่วงหนึ่งระบุว่า อายุมาถึงป่านนี้ คิดว่าอีกไม่เกิน 2-3 ปีก็ตาย
ดิฉันเตรียมที่ตายไว้แล้วที่นี่ (ล้านนาเทวาลัย) คุณจะเห็นซุ้มกุหลาบ มีม้านั่งอยู่ตัวหนึ่ง เป็นรูปดิฉันนั่งอ่านหนังสือ ใกล้กันมีจัมโบ้ หมาแสนรักอีกตัวหนึ่ง ตรงนั้นจะเป็นที่ซึ่งเอากระดูกดิฉันว่าใส่ไว้ตรงโคนต้นไม้ ลูกดิฉันก็รับรู้ทุกคนว่าแม่คงจะอยู่อีกไม่นาน
Sponsored Ad
นอกจากนี้ คุณหญิงวิมล เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารเฮลโล ฉบับวันที่ 8 มิถุนายน 2560 ช่วงหนึ่งกล่าวว่า ดิฉันรู้ตัวแล้วว่าเราเดินทางมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว คนใกล้ตายรู้ตัวทุกคนนะ ยิ่งใครที่มรณานุสติเป็นประจำสังเกตลมหายใจตัวเองก็รู้เมื่อไหร่ที่ลมหายใจออกยาวกว่า ส่วนลมหายใจเข้าก็สั้นลงๆ คงเป็นตอนที่ดิฉันคว่ำจอมศาสดาหน้าสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
Sponsored Ad
ถึงตอนนั้นดิฉันคงจากโลกนี้ไปอย่างสงบ เพราะภารกิจทุกอย่างได้เสร็จสมดั่งใจหมาย ได้เขียนนิยายเรื่องสุดท้ายจบสมบูรณ์ได้สร้างเทวาลัยให้คนนั่งปรับทุกข์กับเทวดา ความจริงคือการปรับทุกข์กับพลังงานสูงสุดในจักรวาล กับแสงสว่างในหัวใจตัวเองเพราะมนุษย์ก็คือผู้มีแสงสว่างในหัวใจ ไม่ซ้ำเติมความทุกข์ของผู้อื่น เพราะหากวันใดที่เราทุกข์อย่างเขา ถ้ามีมือยื่นมา มีน้ำคำ น้ำใจปลอบประโลมหัวใจให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ขอให้ทุกคนเป็นมนุษย์ที่แท้อย่างที่ท่านพุทธทาสสอน "จงเป็นมนุษย์ที่แท้ อย่าเป็นอมนุษย์ทั้งหลาย"
Sponsored Ad
.
.
.
ชมคลิป
คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<
ที่มา : ThaiPBS