พ่อลูก 5 ออกมาขอโทษที่ลาออกจากงาน "ไม่ใช่ไม่อยากทำงาน แต่เหนื่อยเกินไป"
คอมเมนต์:
หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
การวางแผนครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการวางแผนที่จะมีลูกนั้น พ่อแม่ต้องมีความพร้อมทั้งด้านการเงิน และสภาพแวดล้อมด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาการหลายๆ ด้านรวมถึงการเลี้ยงดูลูกน้อยที่ถูกต้องด้วย
สื่อต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวของ คุณพ่อลูก 5 คน วัย 27 ปี ชาวไถจง เมืองทางภาคกลางของเกาะไต้หวัน ย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้ว คุณพ่อรายนี้ไม่มีเงินพาลูกสาวไปหาหมอเพื่อรักษา จึงโพสต์หน้าเฟซบุ๊กหวังที่จะขายรถเข็นเด็กเพื่อนำเงินไปเป็นค่ารักษาลูก ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจ และทราบภายหลังว่า เขามีลูกสาว 5 คน ส่วนภรรยาก็ต้องดูแลลูกอยู่บ้าน ไม่สามารถไปหางานทำได้ ครอบครัวค่อนข้างลำบาก
Sponsored Ad
(รถเข็นเด็กสีแดงที่คุณพ่อรายนี้นำไปโพสต์จะขาย)
(ผู้ใจซื้อมอบตู้เย็นใหม่ให้)
Sponsored Ad
(เจ้าของร้านซ่อมรถซื้อมอเตอร์ไซค์ให้)
ทันทีที่เรื่องราวของเขาถูกเผยแพร่ก็มีคนใจบุญเดินทางไปหาเขาถึงที่บ้าน และบริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้พวกเขา และเรื่องราวนี้ก็ไปถึงหูเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่นั้น เข้าไปตรวจสอบ พบว่าสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบากจริงๆ อีกทั้งคุณพ่อรายนี้ก็ไม่มีงานประจำที่มั่นคง ต้องอาศัยทำงานก่อสร้างช่างปูนไปวันๆ
น้ำใจของสังคมยังคงหลั่งไหลมาถึงครอบครัวนี้ ทั้งบริจาคเงินทอง อาหาร ที่พักแห่งใหม่ และการงานมากมาย และมีเจ้าของร้านคาร์แคร์ล้างรถ หยิบยื่นน้ำใจให้เขา ด้วยการบอกว่า ยินดีจะจ้างคุณพ่อลูก 5 คน และให้เขาสามารถเข้ามาทำงานที่ร้านได้เลยทันที และจะให้เงินเดือน เดือนละ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ) 30,000 บาทอีกด้วย โดยตอนแรกคุณพ่อรายนี้รับปากว่า จะเข้าไปทำงานวันรุ่งขึ้น แต่ก็ไม่เห็น ภายหลังโทรมาลางาน บอกว่าไม่สบาย พอวันจันทร์มาทำงานได้แค่ 5 วัน วันศุกร์ตอนเย็นก็ขอลาออก เนื่องจากทำงาน 2 กะไม่ไหว เหนื่อยเกินไป แถมยังบอกเหตุผลว่า ขอทำงานช่างปูนที่เดิม เนื่องจากตนติดหนี้เจ้านายคนนั้นประมาณ 250,000 บาท จึงเป็นเหตุผลว่าไม่อยากออกจากงานเดิม
Sponsored Ad
(คุณพ่อลูก 5 กับเจ้าของคาร์แคร์ล้างรถ)
ซึ่งที่ทำงานเดิมให้ค่าแรงวันละ(คิดเป็นเงินไทยประมาณ) 1,400 บาท แต่ไม่ได้มีงานทุกวัน หัก 500 บาท ผ่อนจ่ายหนี้ให้เจ้านาย ดังนั้นก็จะได้วันละประมาณ 900 บาท นอกจากหนี้นี้แล้ว ยังมีหนี้อื่นๆ อีก เป็นค่าเช่าบ้าน ค่าปรับที่เคยโดนตำรวจปรับเรื่องการขับขี่อีก
Sponsored Ad
และก็มีเจ้าของอู่ซ่อมรถออกมาเสนอให้เขาสามารถไปทำงานได้ เพราะเจ้าของอู่คิดว่า "การให้เงินบริจาคไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาจากต้นเหตุ แต่เป็นการให้งานเขาทำจะดีกว่า" คุณพ่อรายนี้ก็ได้รับปากว่าจะไปทำ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เคยปรากฎตัว ทำให้เจ้าของอู่ซ่อมรถบอกว่าไม่ต้องมาแล้วนะ ไม่รับแล้ว
โดยคุณพ่อออกมาขอโทษต่อสาธารณะว่า ที่ไม่สามารถทำงาน 2 กะได้ แต่สัญญาว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงินใช้หนี้และสร้างเนื้อสร้างตัวดีดี เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคนออกมาเล่าว่า คุณพ่อรายนี้ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็ทำได้ไม่นาน เป็นคนเลือกงาน และชอบอ้างครอบครัวลำบากเพื่อขอความเห็นใจ พอได้เงินบริจาคจากเจ้านาย วันรุ่งขึ้นก็จะขอลาออกเลย
Sponsored Ad
คุณพ่อรายนี้ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อว่า อีกไม่นานแม่ก็จะถูกปล่อยออกจากเรือนจำแล้ว คาดว่า ถ้ามีแม่มาช่วยดูแลเด็กๆ ตนและภรรยาก็จะได้ออกไปทำงานหาเงิน โดยหวังว่าจะให้ภรรยาไปทำงานในอาชีพสาวขายหมากกะกลางคืนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวอีกแรง
Sponsored Ad
ไม่นานด้านภรรยาก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “สามีไม่ได้เป็นคนขี้เกียจเหมือนที่เป็นข่าว จึงอยากจะออกมาแก้ต่างข้อกล่าวหานี้ ที่จริงสามีทำงานก่อสร้าง ต้องเดินขึ้น-ลงบันไดหลายสิบชั้น เพื่อไม่อยากให้ต้องเหนื่อยเกินไป จนก่อให้เกิดอันตรายได้ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจด้วย”
“ส่วนงานเป็นสาวขายหมากนั้น ยังไม่ไปทำ ต้องรอดูข่าวเร็วๆ นี้ก่อนว่า แม่สามีจะได้ออกมาจริงหรือไม่ ตอนนี้ที่พักอาศัยเดิมก็พออยู่แล้ว ถ้าแม่สามีออกมาก็จะย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ และตอนจะไม่ออกไปทำงาน จะให้แม่สามีออกไปทำงานก่อนสร้างกับสามีดีกว่า เพราะแม่สามีกับสามีทำงานด้านนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีความถนัดงานนี้มากกว่า ส่วนตนจะขออยู่บ้านดูแลลูกๆ เอง”
Sponsored Ad
สุดท้ายก็มีผู้คนมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “อยากให้คุณพ่อรายนี้ตั้งใจทำงาน ไม่อยากให้มานั่งเรียกร้องความสงสารจากคนในสังคมมากไป”
บางคนก็บอกว่า “คุณพ่อรายนี้ก่อนหน้านี้ทำงานแต่ละแห่งได้ไม่นานก็ย้าย ทำให้เห็นว่าเป็นคนไม่มีความตั้งใจจริง”
“รู้ว่าลำบากก็ไม่ต้องคลอดออกมาอีกแล้วนะ สงสารเด็ก”
“หน่วยงานรัฐเข้าไปดูแล ให้เงินมากมายจริง แต่กลัวพวกเขาจะไม่รู้จักควบคุมการใช้จ่าย”
(บ้านหลังใหม่ที่มีผู้ใจบุญยอมลดราคาค่าเช่าให้เหลือ 6,500 บาท จากหมื่นกว่า เพื่อให้พวกเขาย้ายมาอยู่ที่ใหม่)
เรื่องราวของพวกเขากลายเป็นประเด็นที่ผู้คนพูดถึงเป็นอย่างมาก ต่างพากันคิดว่า การจะมีลูกนั้นต้องมีการวางแผนที่ดี เพราะมิเช่นนั้น คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ ลูก เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสานั้นเอง
ที่มา : lookforward | เรียบเรียงโดย พันหมื่นเหตุผล