นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของพ่อแม่ และสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมาตลอดเลย สำหรับ "น้องพิ้งค์" เด็กไทยนักแบดมินตัน ที่คว้ามาแล้วหลายรายการ จนถูกจับตามองเป็นอย่างมากจากทั่วโลก แถมหน้าตายังน่ารักซะด้วย จนเธอได้ฉายา “นักตบลูกขนไก่หน้าหวาน” วันนี้เราจะไปทำความรู้จักเธอกัน

   "น้องพิ้งค์" พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ นักแบดมินตันสาววัยเพียง 13 ปี ที่เดินตามความฝันสำเร็จด้วยการมีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดลุยศึกเยาวชน ชิงแชมป์โลก ที่นิวซีแลนด์ ในช่วงต้นปีหน้า ล่าสุดน้องพิ้งค์ในวัย 13 ปี ได้โพสต์ข้อความผ่านโลกโซเชียล  "ยินดีกับตัวเอง สำหรับการติดเยาวชนทีมชาติครั้งแรก ในชุดทำศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก 2022 ขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด"

   ทั้งนี้น้องน้องพิ้งค์ได้ผ่านสนามมามากมาย เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุเพียงแค่ 5 ขวบ ทั้งนี้ได้คุณพ่อพิพัฒน์ โอภาสนิพัทธ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้ ที่สโมสรแบดมินตันไทยสไมล์ จากนั้นเธอได้รับการฝึกสอนแบบเต็มตัวจาก "โค้ชตี๋" เกษมศักดิ์ จตุจินดา และเริ่มลงแข่งขัน เก็บประสบการณ์มาเรื่อยๆ

.

    ปัจจุบัน "น้องพิ้งค์" จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศเชียงใหม่ โดยมีผลการเรียนที่ดีเสียด้วย โดยเป้าหมายของเธอก็คือการเดินตามรอย รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย ที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษและยกให้เป็นต้นแบบของที่อยากจะพัฒนาฝีมือให้เธอก้าวสู่ระดับโลกตามรุ่นพี่ในอนาคต

    ทั้งนี้ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนแห่งที่ 22 ของกลุ่มโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ก่อตั้งขึ้นโดยท่านอาจารย์พิบูลย์ และท่านอาจารย์ เพ็ญศรี ยงค์กมล เมื่อปี พ.ศ.2551 บนเนื้อที่ 12 ไร่ โดยซื้อกิจกรรมจากโรงเรียนเชียงใหม่เทคโนโลยีและโรงเรียนเชียงใหม่คณาวิทย์ โรงเรียน เริ่มเปิดทำการเรียนการสอน ในปี การศึกษา 2551 ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 และจะขยายสูงขึ้น เรื่อยไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

    โรงเรียนจัดหลัก สูตรการเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน ( Bilingual Programme) และหลักสูตรสามัญ ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณธรรมที่ดีงามตามวัย มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มุ่งสร้างนักเรียน นักอ่าน นักคิด นักสร้าง และนักนำเสนอด้วยสองภาษา พร้อมๆกับให้มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อให้เป็นไปตามปรัชญาของโรงเรียนที่ว่า "คุณธรรม นำวิชา พัฒนาตน"

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ที่มา : Pink Pitchamon