"ยิ่งปฏิบัติธรรม" เหมือนจะยิ่งเจอ "เจ้ากรรมนายเวร" จริงๆเเล้วเพราะจิตเริ่มจะดีขึ้นต่างหาก

คอมเมนต์:

"ยิ่งปฏิบัติธรรม" เหมือนจะยิ่งเจอ "เจ้ากรรมนายเวร" จริงๆเเล้วเพราะจิตเริ่มจะดีขึ้นต่างหาก

    ปกติถ้าเรามีเจ้ากรรมนายเวร เค้าก็จะตามเล่นงานเราอยู่แล้ว ถ้าวาระบุญเราอ่อนลงเมื่อไหร่ หรือกรรมตามทันเมื่อไหร่ เค้าก็จะเล่นงานเราทันที

    การปฏิบัติธรรม ไม่เกี่ยวกับการที่ทำให้เค้าเล่นงานเราได้เร็วขึ้น เล่นงานเราได้มากขึ้น แต่การปฏิบัติธรรม ทำให้เราอาจจะติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรได้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับตอนที่จิตเราสงบ คลื่นความถี่ก็สามารถจูนติดกับคลื่นของเจ้ากรรมนายเวรได้อย่างนั้นแหละ 

 

Sponsored Ad

 

    ตรงนี้อาจทำให้เราเกิดความกลัว ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเจ้ากรรมนายเวรตามทวงหนี้เราได้ดีขึ้น แต่ต้องขอบอกว่า การติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรได้ง่ายขึ้นนั้น คนละประเด็นกับการที่เจ้ากรรมนายเวรจะเล่นงานเราได้ดียิ่งขึ้น อย่าสับสน

 

Sponsored Ad

 

    ตรงกันข้าม บุญที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมเป็นบุญใหญ่ ซึ่งบางกรณีที่บางคนเค้าติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรได้ เจ้ากรรมนายเวรจะต่อรองให้ทำบุญใหญ่ให้เค้า แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร บุญใหญ่ เช่น สร้างพระ บวชพระ อย่างนี้เป็นต้น

    แต่ถ้าหากเราติดต่อกับเจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ ก็พยายามอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบ่อยๆ ทำทุกวันยิ่งดี ก็อธิษฐานเอาบุญที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมของเรานี่แหละ (ถ้าบวกกับบุญอื่นของเราด้วย ก็ยิ่งดี) อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ขอให้โมทนาและอโหสิกรรมให้กับเรา ให้เค้าบ่อยๆ เค้าก็ใจอ่อนเอง แต่ปัญหาคือ หลายคนทำไม่ต่อเนื่อง ทำๆหยุดๆ อะไรที่ไม่เอาจริง แล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น พยายามอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรอย่างต่อเนื่อง

 

Sponsored Ad

 

    การปฏิบัติธรรมจะทำให้เจอกับผู้ขัดขวางผู้หนึ่ง นั่นก็คือ “มาร” ครั้นจะตีความว่า เจ้ากรรมนายเวรเป็นมารก็อาจจะอนุโลมได้ แต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นทุกกรณี เพราะบางคนไม่มีเจ้ากรรมนายเวร แต่พอครั้นมาปฏิบัติธรรมหรือสร้างบารมีให้สูงยิ่งๆขึ้นไป ก็จะเจอกับอุปสรรค เจอกับคนขัดขวาง เจอกับกิเลสในใจของตนเอง ตรงนี้ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร แต่จริงๆไม่ใช่ เค้าเรียกว่า “มาร”

    เมื่อเจอมาร ก็ต้องพยายามเอาชนะมาร ดั่งคำที่ว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” นั่นแหละ

ที่มา LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ