หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    หลายคนคงคุ้นเคยชื่อของเขากันดีสำหรับ "แจ็ค หม่า" เจ้าสัวระดับท็อปของจีน ที่มีต้นทุนชีวิตไม่ได้สูง เริ่มต้นในการทำธุรกิจ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก ก่อนจะประกาศอำลาตำแหน่งประธาน อาลีบาบา กรุ๊ป 

    ล่าสุด สำนักข่าว  เอเอฟพี รายงานผลการสำรวจอภิมหาเศรษฐีจีน ในปี 2563 พบว่ามหาเศรษฐีจีนมีรายได้เพิ่มขึ้นรวมกัน ถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 46.5 ล้านล้านบาท ซึ่งทุบสถิติมากกว่ารายได้รวมกัน 5 ปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้เป็นผลมาจากธุรกิจออนไลน์และอุตสาหกรรมเกมที่ได้รับความนิยมพุ่งสูง ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะทางสังคมจากวิกฤตปัจจุบัน โดยมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์เกิดใหม่เพียบ เพิ่มขึ้นถึง 257 คน รวมเป็น 878 คน แซงหน้าสหรัฐอเมริกาที่มี 626 คน ถือเป็นสถิติใหม่เศรษฐกิจ เพราะโลกไม่เคยมีอภิมหาเศรษฐีเกิดขึ้นมากเท่านี้มาก่อน ในระยะเวลาเพียงปีเดียว

    โดย นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ กลับมาอยู่อันดับหนึ่งอีกครั้ง ภายหลังที่ความมั่งคั่งพุ่งสูงถึง 45% เพิ่มเป็น 5.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เนื่องจากเห็นการเติบโตธุรกิจ จากการที่ผู้คนต้องปิดกิจกา รภายในอาคารหลายเดือน ระหว่างล็อกดาวน์

    อันดับสองคือ โพนี หม่า หรือ หม่า ฮั่วเถิง บอสแห่ง เทนเซ็นต์ เจ้าของอุตสาหกรรมเกมยักษ์ใหญ่ และ แอพแชต วีแชต ทำรายได้เพิ่มขึ้น 50% รวมเป็น 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.79 ล้าน ส่วน จง ซานซาน วัย 66 ปี มหาเศรษฐีจากน้ำดื่มขวดฝาแดง หนงฟู ติดโผครั้งแรก ด้วยอันดับ 3 รายได้ 5.37 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 1.68 ล้านล้านบาท

    ทั้งนี้ บริษัท Lazada E-Commerce ออนไลน์อันดับ 1 ในประเทศไทย ก็เป็นของ บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba เช่นกัน แม้ Lazada จะก่อตั้งในปี 2012 โดย Rocket Internet จากประเทศเยอรมนี แต่ Jack Ma ก็ได้มองเห็นโอกาสนี้ จึงกว้านซื้อไว้ในระหว่างที่เขายังเป็นผู้บริหาร เพราะเชื่อมันจะทำเงินในอนาคตได้ แล้วตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

.

.

ชมคลิป ประวัติของแจ็คหม่า

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

อ่านบทความเพิ่มเติม : "แจ็คหม่า" จากเด็กยากจน ไม่มีใครรับทำงาน สู่ "เจ้าของอาลีบาบา" ขอเกษียณตัวเอง ไปดูแลมูลนิธิช่วยเหลือเด็กยากไร้

ที่มา : เอเอฟพี